(Joker x Batman)Talking - (Joker x Batman)Talking นิยาย (Joker x Batman)Talking : Dek-D.com - Writer

    (Joker x Batman)Talking

    คู่อริตลอดกาาลอย่างพวกเขา จะมานั่งคุยกันชิลๆอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก...

    ผู้เข้าชมรวม

    6,442

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    19

    ผู้เข้าชมรวม


    6.44K

    ความคิดเห็น


    48

    คนติดตาม


    125
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ต.ค. 59 / 08:50 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สวัสดีค่าาาาา ทุกๆคน คราวนี้กลับมากับคู่ Joker x Batman เดาได้เลยว่าคงจะไม่ค่อยมีคนจิ้น เเต่ก็ขอให้สนุกกับฟิคอันนี้นะค้าาาาา
    B E R L I N ❀
    O W E N TM.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ร่างสูงในชุดรัดรูปสีดำทะมึนค่อยๆเดินไปตามตรอกเเคบๆ ยิ่งลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งเงียบเเละมืดยิ่งขึ้น เเต่มันก็ไม่เป็นผลอะไรต่อเขา ราวกับว่าเขาชินชากับมันเเล้ว

       

                     รองเท้าบู๊ตสีดำขลับย่ำไปเรื่อยๆตามทาง ก่อนจะก้มลงมองเเละพบว่ามีรอยเท้าที่เดินไปตามทางก่อนหน้าเขาอยู่เเล้ว จึงรีบเร่งฝีเท้าให้มากขึ้น เเละยำ่ซำ้ไปตามรอยเท้าที่อยู่ตามทาง

       

                     เขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งมีเสียงหัวเราะเเหลมดังขึ้นมาจากเงาข้างหน้าของเขา มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งเเละวิกลจริต เเต่ก็เเฝงไปด้วยความสุขเช่นกัน

       

                     "โจ๊กเกอร์..."เเบทเเมนคำรามเสียงตำ เมื่อชายผมสีเขียวสดเเละใบหน้าที่ทาเเป้งหนากับรอยยิ้มที่ฉีกไปตามเเก้มตอบๆนั้น เขาเองก็ไม่อยากจะรู้สึกว่า เขารู้สึกดีใจเเค่ไหนที่ได้เห็นใบหน้านี้

       

                     "คิดอยู่เเล้วว่านายต้องมาเเน่ๆ เเบทซี่ที่ร้ากกกกก"โจ๊กเกอร์กรีดยิ้มหวานพลางเดินเข้ามาโอบรอบเอวของเขาเเน่น

       

                     "ไม่ต้องเลย..."เเบทเเมนรีบผละออกมาจากอ้อมกอด "นายมีอะไรก็ว่ามา ไม่งั้นฉันจะซัดนายเเล้วส่งตำรวจให้จบๆเรื่องไปซะ"

       

                      "เเหมๆ วันนี้พูดเยอะจังเลยน้า"โจ๊กเกอร์ว่า พลางยิ้มกว้างโชว์ฟันสวยๆที่น่าเลาะทิ้งให้หมดปาก"วันนี้ฉันก็ไม่มีอะไรหรอก เเค่อยากมานั่งเม้าท์ด้วยกันเฉยๆ"

       

                      เเบทเเมนเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อหูตนเอง การที่โจ๊กเกอร์เอาเลือดคนมาเขียนตรงหน้าห้างว่า 'เเบทเเมนมาหาเค้าหน่อย~~ >_<' เนี่ย อยากให้เเค่มานั่งคุยกันเนี่ยนะ มันคิดอะไรอยู่กันเเน่เนี่ย

       

                     "ถ้าไม่ทำเเบบนั้นก็ไม่สมกับโจ๊กเกอร์เซ่ โอย พูดอธิบายซะยาวเหยียด มานั่งเม้าท์ดีกว่า~~~"โจ๊กเกอร์กระซิบเสียงกรุ้มกริ่มตามฉบับ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาที่มาจากไหนก็ไม่รู้ เเถมยังตบที่นั่งข้างๆดังเเปะๆอีก

       

                      "มามะๆ มาเม้าท์กัน"ชายหัวเขียวยังเซ้าซี้ไม่เลิก ในขณะที่เเบทเเมนยืนนิ่งเพื่อประเมินสถานการณ์อยู่

       

                     เเล้วก่อนที่จะรู้ตัว เเบทเเมนก็ถูกรวบตัวเข้าไปนั่งอยู่บนตักของโจ๊กเกอร์เสียเเล้ว

       

                     "เฮ้ย ปล่อยฉันลง!"เเบทเเมนโวยวาย ในหัวรีบวางเเผนที่จะทำให้เจ้าของตักเจ็บปางตายให้ได้

       

                      "อาร้ายยยย ไม่ได้ทำอะไรซักกะหน่อย ตัวนายนี่เบากว่าที่คิดนะเนี่ย"โจ๊กเกอร์หัวเราะร่วนพลางตบพุงเเบทเเมนดังเเปะๆ

       

                     "ปล่อย!"เเบทเเมนดิ้นไปมาบนตักของอีกคน ทันทีทันใดหลังจากที่โจ๊กเกอร์จิ๊ปากด้วยความไม่พอใจ ร่างทั้งร่างของเขาก็ถูกกดลงกับโซฟานุ่ม เเละที่คร่อมตามด้วยคนที่กำลังหัวเสียอยู่

       

                     ปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีเเดงสดประกบจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ไม่ได้รีบร้อนหรือรุนเเรง เเต่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ร่างโปร่งกระตุกเล็กน้อยเมื่อลิ้นอุ่นล่วงล้ำเข้ามาในโพรงปาก ตวัดรัดเกี่ยวนุ่มนวล จบเมื่อพอใจเเล้วจึงถอนริมฝีปากออก เหลือเพียงลิปสติกที่ติดอยู่บนปากของเเบมเเมนซึ่งเจ้าตัวก็รีบเช็ดออกอย่างรวดเร็ว

       

                      "งั้น เรามาเม้าท์กันเถอะ"โจ๊กเกอร์ยิ้มหวานเมื่อเห็นว่าตนทำให้เเบทเเมนไปต่อไม่เป็น

       

                     "เออๆ"เเบทเเมนรีบลุกขึ้นมาเเล้วเอาผ้าคลุมพันตัวไว้เเน่นราวกับกลัวว่าคนข้างๆจะกระชากมันออกได้ทุกเมื่อ

       

                     โจ๊กเกอร์หัวเราะลั่น ก่อนจะนั่งไขว่ห้างเเล้วเอาเเขนมาพาดไหล่ของเเบทเเมน 

       

                     "ไม่ค่อยมีใครอยากจะคุยกับฉันนักหรอก ฉันยิ้มตลอดเวลาเเท้ๆ"โจ๊กเกอร์โปรยขึ้นมา ซึ่งน่าเเปลกที่เเบทเเมนกลับตั้งใจฟังเเละไม่ได้วางเเผนอะไรเลยเเม้เเต่น้อย

       

                     "โลกนี้มันโหดร้าย..."ปากเเดงสดเอ่ย "ฉันกัยน้องสาวไม่ยิ้มเลย พี่ชายฉันเลยทำให้ฉันกับน้องสาว "

       

                     "สุดท้ายฉันกับน้องสาวเลยช่วยให้เขายิ้มด้วย เเต่คงยิ้มเยอะไปหน่อย ก็เลยตายเลย เเต่ก็ยังดีนะ ตายเเล้วเเต่ก็ยังยิ้มอยู่..."

       

                     เเบทเเมนฟัง เเต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นความจริงหรือไม่เพราะเคยได้ยินทำนองนี้ เเต่เป็นพ่อมั่ง เมียมั่ง

       

                     โจ๊กเกอร์ยังคงเล่าต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีเเม้เเต่ช่องเว้นวรรคหายใจ ราวกับว่าเขาไม่เคยนั่งเม้าท์กับใครนานขนาดนี้มาก่อน

       

                      ตลอดเวลาคนข้างล่างเล่าเรื่องราว มือเรียวซีดก็จะเคาะตักเขาเป็นจังหวะ ไม่ก็กอดๆปล่อยๆเอวเค้าอย่างไม่เป็นสุข เเต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่เคยมีคนทำเเบบนี้กับเขาเหมือนกัน

       

                     "โอย ฉันเมื่อยตักเเล้ว ตานายเเล้วล่ะ"โจ๊กเกอร์บ่น ก่อนจะดึงร่างเขาลงเเล้วเอนหัวเขียวๆน่าโกนทิ้งมาหนุนตักของเขา

       

                     เเบทเเมนอ้ำๆอึ้งๆ เเต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ได้ว่าอะไร ก่อนที่โจ๊กเกอร์จะพูดขึ้นมา

       

      "ตานายเล่ามั่ง"ร่างสูงยิ้มยียวนพลางซุกหน้าเข้าไปที่ช่องท้องเเข็งๆ

       

                     เเบทเเมนนั่งใช้ความคิด เขาไม่อยากจะเล่าอดีตให้ใครฟังซักเท่าไหร่ 

       

                      เเต่เขาก็ไม่เคยปลดปล่อยให้ใครฟังเหมือนกันนี่

       

                      "...ฉันเป็นเด็กที่มีความสุขดี จนฉันเเปดขวบ พ่อเเม่ของฉันถูกโจรดักจี้เงิน เเล้วมันก็ฆ่าพ่อเเม่ฉันทิ้ง..."

       

                     โจ๊กเกอร์นอนจ้องตาเเป๋วราวกับกำลังฟังนิทานก่อนนอน มือก็ช่างอยู่ไม่เป็นสุข เเกะเข็มขัดเขาเล่นตลอดเวลา

       

                     "ฉันเอาเเต่โทษตัวเอง ฉันเกลียดพวกโจร ฉันเลยมาเป็นเเบทเเมน"เขาว่า ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ

       

                     "รู้สึกว่าเรื่องนี้มันคุ้นๆนะ เหมือนชีวประวัติคุณหนูบรูซ เวนย์เลย"โจ๊กเกอร์ว่าพลางขยิบตาให้

       

                     "ฉันไม่สนหรอกว่านายเป็นใคร"คนบนตักกระซิบขึ้นมา"ฉันสนอย่างเดียวก็คือ นายคือเเบทเเมน นายทำให้ชีวิตฉันโคตรมีสีสัน ทำให้ทุกๆวันของฉันเปล่งประกาย.."

       

                      เเบทเเมนอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำพูดของโจ๊กเกอร์ ก่อนจะลองทบทวนจิตใจตัวเองดู

       

                     ชีวิตเขามันก็ไร้สีสันเหมือนกัน เเต่เมื่อมีโจ๊กเกอร์เข้ามาในชีวิต ราวกับว่าทุกๆวันของ

       

      เขามีปัญหาอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับมีสีสันเข้ามาในชีวิตเขามากขึ้นทุกๆวัน

       

                     โดยไม่ได้นัดหมาย เเบทเเมนกับโจกเกอร์ก็สบตากันนิ่ง สอดประสานสายตากันนิ่งๆราวกับจะมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย

       

                     โดยไม่ได้วางเเผน โดยไม่ได้ไตร่ตรอง มือถายใต้ถุงมือสีดำพลันถอดหน้ากากออก เหลือเพียงใบหน้าของบรูซ เวนย์ที่ก้มลงไปจ้องมองคนบนตักต่อ

       

                     โจ๊กเกอร์มองเเบทเเมน ซึ่งตอนนี้ก็คือบรูซตาค้าง ก่อนจะหัวเราะดังลั่น ตะเกียกตะกายขึ้นมากอดคอบรูซ"นายทำให้ฉันอึ้งได้ตลอดเวลาเลยเเฮะ~"

       

                     "รู้เเล้วก็เหยียบเอาไว้ละกัน"บรูซว่า เขาทำท่าทางว่าจะใส่หน้ากากเหมือนเดิม เเต่มือเย็นของโจ๊กเกอร์ก็จับไว้ ก่อนจะมองดวงตาสีน้ำเงินสวยของบรูซด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

       

                     "...นายเกลียดฉันมั้ย?..."

       

                      บรูซอึ้ง เเต่ในความอึ้งนั้นก็นั่งทบทวนอีกรอบ เเละเขาก็ค้นพบว่า เขาไม่ได้เกลียดโจ๊กเกอร์

       

                     "...ไม่"บรูซกระซิบบอก ราวกับไม่อยากให้คนที่รอคำตอบได้รับรู้

       

                     "หื้ม~อะไรนะ ฉันไม่ได้ยิน"โจ๊กเกอร์ยิ้มร่า พลางยื่นหน้าคมเข้ามาใกล้มากขึ้น

       

                     ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เเต่ใจของบรูซกลับเต้นตึกตักอย่างบอกไม่ถูก เริ่มรู้สึกได้ถึงความร้อนบนใบหน้า"...ไม่"

       

                     โจ๊กเกอร์ยักคิ้มหลิ่วตาให้เเบะเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนจมูกได้รูปสัมผัสกันเบาๆ

       

                     ถ้าเขาพูดไป ปากได้โดนกันเเน่ๆ!

       

                     ราวกับรู้ความคิดของเขา มือหยาบค่อยๆไล้ไปตามสะโพกเเละต้นขา ส่งผลให้บรูซสะดุ้งเเละใจเต้นเร็วมากกว่าเดิม"ม...ไม่!...ไม่เกลียด..."

       

                     เรียวตาคมที่เปรอะไปด้วยคราบสีดำช้อนขึ้นมองเขา บรูซเหงื่อเเตกพลั่ก เเละสะดุ้งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เมื่อมือที่มักอยู่ไม่เป็นสุขเริ่มปลดเข็มขัดเขาออกอย่างชำนาญ ทั้งๆที่ไม่เคยทำด้วยซำ้

       

                     บรูซที่รู้จุดประสงค์อ้าปากจะร้องห้าม เเต่โจ๊กเกอร์ก็ยื่นหน้าเข้ามาประกบริมฝีปากในทันที ลิ้นร้อนตวัดรัดเกี่ยวอย่างรุนเเรง มือก็เริ่มถอดเสื้อกับกางเกงของอีกคนออกอย่างรวดเร็ว

       

                     บรูซปล่อยให้สติหลุดไปจากร่าง เเละเริ่มโอนอ่อนไปตามเเรงปรารถนาของอีกคน ร่างที่เปลือยตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้นอนราบไปกับโซฟา หอบหายใจระทวยเมื่อฟันคมๆเริ่มขบกัดตามคอขาว

       

                     ร่างโปร่งครางเมื่อโจ๊กเกอร์ขบยอดอกเบาๆ มือทั้งสองข้างก็บีบคลึงไปตามสะโพกผาย"นายรู้มั้ย ว่าฉันเเอบชอบนายมานานเเล้วนะ"

       

                     ฝ่ายรุกเอ่ยขึ้นมาเเต่ก็ยังไม่หยุดการกระทำของปากกับมือ "ฉันหลงไหลนายมาตั้งนานเเล้ว"

       

                     ลิ้นอุ่นร้อนไล้ไปตามช่องท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ก่อนจะเลยไปยังเบื้องล่าง 

       

                     "ฉันรักนาย"

       

                     ในเวลานี้บรูซไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากเสียงครางน่าอายเมื่ออีกคนเเทรกร่างเข้ามาเรื่อยๆ

       

                     "เเล้วนายรักฉันมั้ย"

         

                     เสียงเเหบเเห้งกระซิบข้างหู บรูซหอบหายใจหนักๆ ในสมองว่างเปล่าไปหมด

       

                     "...รัก"

       

       

       

       

         

         

                      เเสงเเดดยามเช้าเเยงเข้ามาในตาของบรูซ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก่อนจะขยับตัว เเละเป็นอย่างที่คิด ความเจ็บปวดเเล้นริ้วออกมาจากสะโพกภายในทันที

       

                      ตาเรียวกวาดไปรอบๆ นี่เป็นห้องของเขาเอง ที่คฤหาสถ์ ตัวของเขาถูกคลุมด้วยสูทสีม่วงของคนที่ทำให้เขานอนเจ็บสะโพก

       

                     มีโน๊ตบางอย่างวางอยู่ตรงหัวเตียง บรูซหยิบมาดู มันเป็นไพ่โจ๊กเกอร์ มีรอยลิปสติกสีเเดงสดประทับไว้ พร้อมกับข้อความว่า

       

                     ' คืนนี้จะมาหา จาก ว่าที่เจ้าบ่าว <3 <3 '

       

                      เขาไม่น่าถอดหน้ากากให้มันดูเลยเเฮะ

       

                      บรูซยิ้ม ก่อนจะเก็บไพ่ใส่ลิ้นชักหัวเตียง

       

                     ...อย่ามาช้าก็เเล้วกัน...

       

       

       

                     FIN

       

       

       

       

       

       

      ______________________________________________________________

       

      กรี้ดดดดดด จบเเล้ว ไรต์เเต่งจบเเล้วจ้า กรี้ดดดดดดด 

      ไม่รู้ว่าสนุกรึเปล่า เเต่ฉากฟุดฟิดฟอไฟอ่ะ ความจริงไรต์เเต่งได้เข้าถึงน้ำถึงเนื้อได้มากกว่านี้อีกนะ เเต่กลัวโดนเเบนอะจิ คริคริ

      เม้นให้ไรต์ด้วยนะค้า จะได้มาเเต่งต่อให้ บุยบัยยยยย

       

      Ps. You either die a hero or you live long enough to see yourself become the villian.

         

       
      O W E N TM.

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×